5 ข้อดีหลักของ Google Analytics 4 (GA4)

Google Analytics ได้เปิดตัวให้ทดลองใช้ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2020 และอัพเดตซีรีส์ในช่วงปี 2021
นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเครื่องมือการวิเคราะห์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเลย หลังจากที่ Google ได้ประกาศว่า พวกเขาจะยกเลิกการใช้งาน Universal Analytics ในปีหน้า หลายๆ ธุรกิจจะต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องมือตัวใหม่ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาต่อมา นั่นก็คือ Google Analytics 4

แต่คุณอย่าลืมว่า รูปแบบการวิเคราะห์ของ GA4 แตกต่างกับ UA โดยสิ้นเชิง ในเรื่องของการวัดและประเมินผล กล่าวคือ การวัดและประเมินผลของ UA จะขึ้นอยู่กับ Sessions และ Pageviews รวมถึงการจัดกลุ่มผู้ใช้ที่มีการตอบสนองภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ในขณะที่ GA4 จะมีการวัดและประเมินผลโดยขึ้นอยู่กับ events และ parameters โดยที่ทุกๆการตอบสนอง จะได้รับการประมวลผลเป็น Event แบบ standalone event  (แม้แต่ ‘Pageviews’ ก็จะถือเป็น event ใน GA4 เช่นกัน) ซึ่งหมายความว่า ทุกๆ กิจกรรมที่เกิดขึ้นโดยผู้ใช้ใน GA4 จะถือเป็น Events และ Events พวกนี้สามารถให้ข้อมูลรายละเอียดเราได้มากขึ้นด้วย

ข้อมูลด้านล่างนี้จะเป็นฟีเจอร์หลักบางส่วนที่อาจทำให้คุณตัดสินใจได้ว่า ทำไมคุณถึงต้องย้ายมาใช้ GA4 ตั้งแต่ตอนนี้

การติดตามพฤติกรรมแบบ Cross-Device

การ Tracking บนเว็บไซต์ มือถือ และ app data จะต้องวัดแยกกันเสมอ แต่กับ GA4 ทุกอย่างจะรวมกันทั้งหมด ทำให้คุณเห็น engagement ทั้งหมดในทุกแพลตฟอร์มและในทุกอุปกรณ์ ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เป็นแกนหลักนี้ เป้าหมายของ Google Analytics ไม่ได้อยู่ที่การวัดแยกส่วน โดยอุปกรณ์หรือแพลตฟอร์ม อย่าง sessions อีกต่อไป แต่จะเน้นที่ตัวผู้ใช้และการโต้ตอบของพวกเขาซึ่งจะถูกบันทึกเป็น Events

GA4 นี้ จะรวมข้อมูลการใช้งานเว็บและแอพมือถือเข้าเป็น property เดียวภายใน interface เดียว
ในเวอร์ชันก่อนหน้านี้ หรือ UA หากเราต้องการดูจำนวน traffic ในแอป เราจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จาก Google Analytics สำหรับ Firebase เพื่อเข้าถึงข้อมูล แต่ในตอนนี้ ข้อมูล engagement ทั้งหมดในเว็บไซต์และแอปของคุณจะถูกรวบรวมไว้ในที่เดียว

นอกจากนี้ คุณยังสามารถจัดการกับ user และติดตามพฤติกรรมของ user ในแอปและแพลตฟอร์มได้ด้วย อีกทั้งยังสามารถสร้าง segment ตามข้อมูลที่วิเคราะห์ออกมา และทำการวิเคราะห์แบบ cross-platform ขั้นสูงได้เช่นกัน

Google ได้บอกไว้ว่า เป้าหมายหลักของ GA4 คือการให้นักการตลาด “เข้าใจ customer journey ของลูกค้าในอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น” ดังนั้นจุดที่ Google โฟกัสจึงอยู่ที่การเดินทางแบบ end-to-end (ตั้งแต่การเข้าชมครั้งแรกไปจนถึง journey สุดท้าย) มากกว่าการวิเคราะห์แต่ละรายการบน devices , pages, segment และอื่นๆ กล่าวโดยสรุปคือ สิ่งนี้จะช่วยให้นักการตลาดเห็นภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และทำให้เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการตอบสนองและพฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์

 

เตรียมพร้อมสำหรับโลกที่ไม่มี Cookie

GA4 มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับให้เข้ากับอนาคตที่ถึงแม้จะมี Cookie หรือไม่มีก็ตาม หรือการระบุตัวตนโดยใช้วิธีการวัดและวิเคราะห์ที่ยืดหยุ่น ซึ่งจะรวมถึงการสร้างแบบจำลองเพื่อเติมเต็มช่องว่างที่ข้อมูลอาจไม่สมบูรณ์ครบถ้วนด้วย

 

การ track event ของผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้น

ใน GA4 จะมีฟีเจอร์การติดตามเริ่มต้น ซึ่งจะอยู่ภายใต้ enhanced measurement ซึ่งช่วยให้คุณติดตามเหตุการณ์บางประเภทได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดหรือทำแท็กใดๆ เพิ่มเติม

คุณสามารถตั้งค่า event tracking ได้ง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับ UA โดยคุณสามารถแก้ไขหรือสร้าง event ใหม่ๆ โดยอิงตาม event และ parameter อื่นๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย

 

การ tracking engagement ที่แม่นยำ

จากการรายงานของ GA4 มี engagement metrics ใหม่ ที่สามารถติดตามการมีส่วนรวมของผู้ใช้กับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นของคุณได้แม่นยำยิ่งขึ้น
โดยข้อมูลใน GA4 จะเน้นที่การมีส่วนรวมหรือการตอบสนองของผู้ใช้มากขึ้น เช่น การค้นหา, การเลื่อนดูข้อมูล, การดาวน์โหลด, การดูวิดีโอ และ อื่นๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงข้อมูลที่เป็นเชิงลบ เช่น bounce rates และ จำนวนผู้ใช้ที่ออกจากหน้าเว็บไซต์โดยไม่มีพฤติกรรมใดๆเกิดขึ้น

ตัวอย่างสถานการณ์

ในสมัยนี้ ผู้ใช้มักมีการเปิดแท็บไว้หลายๆหน้าเมื่อมีการท่องเว็บไซต์ เขาอาจจะเปิดแท็บเว็บไซต์ของคุณ และเปิดอีกหนึ่งแท็บสำหรับการทำงานอื่นๆ ในชั่วโมงต่อมา ผู้ใช้อาจจะกลับมาที่เว็บไซต์ของคุณเพื่อดำเนินการในสิ่งที่เริ่มต้นให้เสร็จ กล่าวคือ สำหรับ GA4 นั้น Sessions จะเริ่มต้นเมื่อมีหรือไม่มี pageview/screenview เกิดขึ้นก็ได้

ในสถานการณ์ข้างต้น UA มีแนวโน้มที่จะนับเพียง sessions เดียวจาก pageview และ 100% bounce rate ในขณะที่ GA4 จะนับเป็น 2 sessions ซึ่งมาจาก 1 pageview session และ 1 user engagement session

 

การเชื่อมต่อ GA4 กับ Google Ads

คุณสามารถเชื่อมต่อบัญชี Google Ads เข้ากับ property ใน GA4 เพื่อดู customer cycle เต็มรูปแบบ ตั้งแต่การที่ผู้ใช้มีการตอบสนองต่อการตลาดของคุณ (เช่น การคลิกโฆษณา) จนถึงการบรรลุเป้าหมายตามที่คุณได้กำหนดไว้บนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น (เช่น การสั่งซื้อสินค้า, การบริโภคเนื้อหา)

การเชื่อมต่อเข้ากับ Google Ads จะช่วยให้คุณสามารถระบุและกำหนดเป้าหมายผู้ชมที่มีคุณภาพได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถทำ remarketing ที่จะเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใช้ที่เคยซื้อสินค้า หรือมีพฤติกรรมใดๆบนเว็บไซต์ เกิดความสนใจหรือความต้องการกลับมาซื้อสินค้าได้ทันที

 

บทส่งท้าย

สิ่งสำคัญที่คุณต้องเข้าใจ คือ Google Analytics 4 ไม่ใช่ Universal Analytics เวอร์ชันใหม่ ทั้งสองตัวเป็นแพลตฟอร์มที่มีการปฏิบัติการแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งจะดำเนินการกับรูปแบบข้อมูลที่แตกต่างกันด้วย ข้อมูลที่ถูกเก็บใน Universal Analytics จะไม่ถูก sync เข้ากับ Google Analytics 4 แต่การเริ่มย้ายไปยัง analytics ตัวใหม่ ในขณะที่ยังใช้งานควบคู่กับระบบเดิม จะช่วยให้คุณเริ่มต้นเก็บข้อมูลและคุ้นชินกับแพลตฟอร์มตัวใหม่ได้ดียิ้งขึ้น

 

การเร่งย้ายข้อมูลไปยัง Google Analytics 4

ให้ Ematic ช่วยเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ใกล้เข้ามา โดยคุณสามารถ รับการประเมินฟรี เพื่อตรวจสอบขั้นตอน และประเมินการย้ายแพลตฟอร์มจากระบบ UA เป็นระบบ GA4 เพื่อเป็นการตรวจสอบแบบเบื้องต้นว่าการย้ายระบบจะส่งผลกระทบต่อทีมการตลาดของคุณอย่างไร นอกจากนี้ Ematic ยังได้เปิดตัวบริการใหม่ เพื่อช่วยปลดล็อกศักยภาพทางด้านดิจิทัลในธุรกิจของคุณได้อย่างเต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถตรวจสอบ บริการอื่นๆ ของเราได้ที่นี่ หรือ ติดต่อเรา โดยตรง

Facebook
LinkedIn
Twitter
WhatsApp
Email

หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทรนด์